จุดชมวิวที่ทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกเหมือนได้เป็นส่วนหนึ่งของท้องฟ้า สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันกว้างใหญ่ของที่ราบรอบปล่องภูเขาไฟโบราณ คุมาโมโตะ-อะโสะ หรือ Kumamoto Aso Caldera ได้อย่างทั่วถึง ซึ่งถือเป็นที่ราบในระดับใหญ่ที่สุด ทิวทัศน์ของไร่นาของอะโสะแผ่กว้างท่านกลางพื้นที่หญ้าเขียวขจี ทะเลหมอกยามเช้าที่แผ่กว้างเบื้อล่างชวนดูน่าพิศวง ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในวันที่ไม่มีลมพัด ช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วง ในวันที่อุณหภูมิต่ำสุด-สูงสุดมีความแตกต่างกันมาก นอกจากนี้หากโชคดี วันรุ่งขึ้นถัดจากคืนที่มีฝนตกก็มีโอกาสชมปรากฏการณ์ทะเลหมอกเช่นกัน
ระหว่างทางจากที่จอดรถถึงจุดชมวิว ที่ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ซึ่งผู้เยี่ยมชมสามารถชื่มชมกับทิวทัศน์ในเส้นทางได้ ภูเขาทั้งห้าของอะโสะ ได้แก่ เนะโคะดะเกะ, ทากะดะเกะ, นะกะดะเกะ, เอะโบชิดะเกะ, และ คิจิมะดะเกะ ซึ่งเรียงรายต่อเนื่องกัน แลดูเสมือนรูปร่างของพระนอน ขอเชิญท่านดูด้วยตาท่านเองว่าสามารถมองเห็นรูปร่างดังกล่าวหรือไม่

เกาะอะโอะชิมะ เป็นเกาะเล็กๆ ที่มีระยะทางรอบเกาะราว 1.5 กิโลเมตร บนเกาะเต็มไปด้วยพืชกิ่งโซนร้อน เช่น ต้นปาล์ม ชวนให้นึกถึงบรรยากาศบีช รีสอร์ทในประเทศเขตร้อน ที่มีหาดทรายขาวและน้ำทะเลใสสีคราม ในสมัยโบราณเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ปัจจุบันทุกคนสามารถไปสักการะศาลเจ้าได้โดยเส้นทางเดินบน “สะพานยาโยอิ” (Yayoi Bridge) ซึ่งทอดผ่านไปในทะเล
ตำนานความรักของเทพเจ้ายามะชาจิฮิโกะและเจ้าหญิงฮิเมะทามะที่ถูกบันทึกไว้ ทำให้ศาลเจ้านี้นอกจากจะเป็นสถานที่มีชื่อเสียงด้านการพบคู่ครองและการคลอดลูกอย่างปลอดภัย ผู้สักการะยังสามารถคาดหวังเรื่อง การคุ้มครองหลายๆด้าน การขอพร และบนบานเรื่องต่างๆได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น เครื่องรางพบคู่ครอง (Enmusubi Omamori) รูปหัวใจดูน่ารัก, เครื่องรางคุ้มครองผู้หญิงที่เพิ่มความมั่นใจในความเป็นหญิงให้กับผู้ถือ, และ เครื่องรางรูปดอกธนูที่นำโชคลาภมาให้ หากจะลองซื้อสมุดสะสมโกะชูอิน (โกะชูอินโจว) หรือตราประทับของศาลเจ้า ที่มีลวดลายบีชรีสอร์ทเพื่อเป็นที่ระลึกก็เป็นความคิดที่น่าสนใจ

เมื่อพูดถึงอิบุสึกิ ทุกคนย่อมรู้จัก “สุนะมุชิ (ออนเซ็นอบทรายร้อน)” ที่ท่านจะได้อบตัวอย่างเพลิดเพลินในบ่อทรายแสนพิเศษ ช่วงเวลาขณะแช่ตัวในทรายที่อุ่นด้วยความร้อนจากออนเซ็นจนมิดร่างและเงี่ยหูฟังเสียงคลื่นพลางปล่อยเวลาเดินไปช้า ๆ นั้นช่างแสนมีความสุข เหงื่อปริมาณมากที่ผุดไหลออกมาจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว การอบทรายร้อนช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน ทั้งยังมีสรรพคุณดีท็อก กระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารชะลอความแก่และบำรุงความงามทั่วเรือนร่างอีกด้วย ประสบการณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด “สุนะมุชิ” มีประวัติความเป็นมายาวนาน ในบันทึกระบุว่ามีการแช่ออนเซ็นทรายร้อนตั้งแต่ปลายสมัยเอโดะและคนยุคโบราณรู้จักการเยียวยาร่างกายในทรายอุ่น ๆ กันมานานแล้ว ที่พักและศูนย์บริการบางแห่งเปิดร้านอาหารและสถานเสริมความงามควบคู่กับ “สุนะมุชิ” ด้วย อย่าลืมหาข้อมูลก่อนไปใช้บริการนะคะ

ศาลเจ้ามุนาคาตะไทฉะประกอบด้วยศาลเจ้า 3 แห่งอันได้แก่ เบะทสึกุ นากะทสึกุ และโอคิทสึกุ ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพธิดาทั้ง 3 เบะทสึกุตั้งอยู่เลียบแม่น้ำสึริคาวะในเมืองมุนาคาตะ เป็นแหล่งกำเนิดของเครื่องรางเพื่อขับขี่ปลอดภัยสำหรับรถยนต์โดยเฉพาะ ในสวนขนาดใหญ่มีเรือนหลักเป็นศูนย์กลางและมีห้องพิธีกรรมกับห้องสมบัติตั้งอยู่กระจัดกระจาย นากะทสึกุตั้งอยู่บนเกาะโอชิมะซึ่งห่างจากบริเวณศาลเจ้ามุนาคาตะหลักออกไป 11 กิโลเมตรและเป็นที่รู้จักในนามศาลเจ้าทานาบาตะ ส่วนโอคิทสึกุนั้นตั้งอยู่บนเกาะโอกิโนะชิมะอันห่างไกลที่ลอยอยู่เกือบกึ่งกลางทะเลเก็งไคนาดะ ที่นั่นไม่มีผู้อยู่อาศัยและไม่อนุญาตให้ผู้หญิงเข้า ฝั่งเหนือของเกาะโอชิมะมีจุดชมวิวโอคิทสึกุซึ่งจะสามารถมองเห็นเกาะโอกิโนะชิมะได้ในวันที่อากาศแจ่มใส ในห้องสมบัติมีการค้นพบของประกอบพิธีกรรมทางศาสนาสมัยโบราณที่ถูกจัดในเกาะโอกิโนะชิมะซึ่งถูกเรียกว่าเป็น “เกาะแห่งเทพ” ของเก่าที่ถูกขุดค้นพบมีมากถึง 8 หมื่นชิ้นและยังเป็นหลักฐานพิสูจน์ว่าประเทศญี่ปุ่นมีการติดต่อเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศเกาหลีมานานแล้วอีกด้วย

ศาลเจ้าแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อ 282 ปีก่อนคริสตกาลและมีประวัติยาวนานกว่า 2300 ปี เป็นที่สักการะบูชาเทพเจ้าทายาทของจักรพรรดิจิมมุทั้ง 12 องค์ซึ่งเป็นบรรพบุรุษผู้บุกเบิกอะโสะ อาทิเช่น เทพทะเคะอิวะทะทสึโนะมิโกะโตะ เทพอะโสะทสึฮิเมะโนะมิโกะโตะและเทพคุนิโนะมิยะทสึโคะฮะยะมิกะตะมะโนะมิโกะโตะ เป็นต้น และที่นี่ยังเป็นศูนย์กลางของศาลเจ้าอะโสะที่มีอยู่ทั่วประเทศอีกด้วย แม้แผ่นดินไหวจังหวัดคุมาโมโตะจะทำให้ซุ้มประตูสองชั้นซึ่งได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามซุ้มประตูที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นกับศาลาสักการะเทพพังถล่มลงมา รวมทั้งวิหารสำหรับกราบไหว้บูชาเทพเจ้าสามแห่งเองก็ได้รับความเสียหายรุนแรง แต่ก็มีการเร่งบูรณะซ่อมแซมทุกวันจนคืบหน้าด้วยดี ศาลาสักการะเทพชั่วคราวถูกสร้างขึ้นภายในเขตศาลเจ้าเพื่อให้ผู้มาเยือนได้อธิฐานขอพร ชุมชนหน้าศาลเจ้ามีอาหารพื้นเมืองให้ลองรับประทาน ทั้งยังมีที่จับจ่ายซื้อของที่ระลึกและเหมาะสำหรับเดินเล่นชมบรรยากาศ นอกจากนี้ท่านยังสามารถดื่มน้ำจาก “มิซุกิ” แหล่งน้ำผุดเพื่อแก้กระหายได้อีกด้วย

ฮิราโดะ เมืองท่าการค้าที่ติดต่อกับชาติตะวันตกแห่งแรกของประเทศญี่ปุ่นซึ่งเริ่มเจริญสัมพันธ์กับฮอลันดาก่อนเกาะเดจิมะของจังหวัดนางาซากิเสียอีก ในยุคแห่งการสำรวจ “ฮิราโดะ” ปรากฏในแผนที่ของชาวตะวันตกในนาม “FIRAND” และเป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินเรือ
ฮิราโดะ เจริญรุ่งเรืองจากการค้ากับประเทศโปรตุเกสและสเปน และทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมวัฒนธรรมตะวันตก เมืองนี้มีสิ่งก่อสร้างและร่องรอยในอดีตมากมายที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ให้คนในปัจจุบันรับรู้ อาทิเช่น ปราสาทฮิราโดะและบ้านพ่อค้าฮอลันดา ภาพโบสถ์และวัดตั้งซ้อนทับกันก็หาได้ในฮิราโดะเท่านั้น โบสถ์ที่ตั้งอยู่ทั่วเมืองยังมีคุณค่าให้ชื่นชมทางสถาปัตยกรรม อาทิเช่น โบสถ์ฮิราโดะซาบิเอลซึ่งมีกำแพงด้านนอกสีเขียวมอส พื้นที่หนึ่งในห้าของเมืองฮิราโดะคืออุทยานแห่งชาติไซไคซึ่งอุดมด้วยธรรมชาติอันแสนงดงามที่เป็นอีกความภาคภูมิใจของชาวเมือง รวมทั้งยังมีอาหารจานเด็ดของฮิราโดะอย่าง “ปลาฮิราโดะฮิราเมะ” และ “เนื้อวัวฮิราโดะ” ที่คุณจะพลาดไม่ได้อีกด้วย

จังหวัดมิยาซากิตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะคิวชู เมืองที่มีบรรยากาศของเกาะใต้เข้มข้นแห่งนี้ มีจุดสนใจที่ถูกกล่าวถึงในตำนานเทพเจ้า จุดชมวิว และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอยู่มากมาย เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของผู้มาเยือนทุกเพศทุกวัย
ณ จังหวัดมิยาซากิแห่งนี้เอง สวนพฤกศาสตร์พืชเขตร้อนประจำจังหวัด เมืองอาโอชิมะ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “มิยาโกะโบทานิกการ์เด้นอาโอชิมะ” ได้ถูกเปิดตัวขึ้น ในเดือนมีนาคมปี ค.ศ.2016 เมื่อลอดประตูใหญ่เข้าไป จะพบกับแปลงดอกไม้สีขาว ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรอยคลื่นซัดบนชายฝั่ง และพืชท้องถิ่นของเกาะใต้ที่ชูช่อคอยต้อนรับ ทั้งดอกเฟื่องฟ้า ต้นไม้ดอกไม้เขตร้อน และผลไม้เขตร้อนอย่างสับประรด มะละกอ มีเรือนกระจกขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าชมได้ตลอดทั้งปีโดยไม่มีฤดูกาล ทำให้สามารถดื่มด่ำไปกับบรรยากาศและกลิ่นอายของเกาะใต้ได้อย่างเต็มที่

ฮากาตะ เมืองท่าที่ตั้งประชันหน้ากับอ่าวฮากาตะแห่งนี้เต็มไปด้วยเอกลักษณ์อันผสมผสานระหว่างทัศนียภาพของเมืองใหญ่ที่มีตึกสูงตั้งเรียงรายและประวัติศาสตร์จังหวัดฟุกุโอกะที่ตั้งของฮากาตะได้ชื่อว่าเป็น “เมืองแห่งอาหาร” ที่อุดมไปด้วยของทานเลิศรส ท่านสามารถลองลิ้มอาหารในราคาสมน้ำสมเนื้อไม่ว่าจะเป็นราเมง หม้อไฟโมทสึนาเบะหรือร้านอาหารริมทาง ไข่ปลารสเผ็ดคาราชิเมนไทโกะก็เป็นหนึ่งในราชาของฝากจากฮากาตะเช่นกัน แต่ทว่าเสน่ห์ของฮากาตะไม่ได้มีเพียงเรื่องอาหารการกินเท่านั้น งานฝีมืออันมีที่มายาวนานของ “ฮากาตะ” ก็ยังมีลมหายใจอยู่จนถึงปัจจุบัน อาทิเช่น “ลูกข่างฮากาตะ” ซึ่งถือกำเนิดในยุคเอโดะ และ “ผ้าฮากาตะ” “ตุ๊กตาฮากาตะ” กับ “บทเพลงฮากาตะ” ซึ่งสืบสานมาจากราชวงศ์ซ่งของจีนในยุคคามาคุระ ตุ๊กตาฮากาตะได้รับคำชื่นชมล้นหลามจากงานนิทรรศการในกรุงปารีสและเริ่มส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศในฐานะตุ๊กตาตัวแทนประเทศญี่ปุ่น ที่นี่ยังจัดพื้นที่ให้ทุกท่านได้ลองประสบการณ์วาดรูประบายสีอีกด้วย สนใจลองจับพู่กันแสดงฝีมือเสียหน่อยไหมคะ

พื้นหินที่เรียงรายกันเหมือนภาพจิ๊กซอว์เรียงทอดกันไปจนสุดทางเดินลาดชัน บ้านสไตล์ยุโรปที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ ไชน่าทาวน์สีสันสดใสที่ทำให้หัวใจลิงโลด ในสมัยเอโดะ เมืองนางาซากิเป็นเมืองที่การค้าต่างประเทศรุ่งเรืองและเป็นเมืองท่าที่มีกลิ่นอายของวัฒนธรรม “วะกะรัน” หรือวัฒนธรรมที่มีความผสมกลมกลืนอย่างน่าประหลาดระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่น จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และวัฒนธรรมตะวันตก
“มินามิยามาเทะ ฮิกาชิเทะยามาเทะ” คือย่านสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งกระจายกันอยู่เป็นจุดๆ ทั้งบ้านของซีโบลท์ยูคาริ “เดจิมะ” รูปปั้นอนุสรณ์สถานแห่งสันติภาพ “อุราคามิ” เมืองที่มีร่องรอยทางประวัติศาสตร์ของการทิ้งระเบิดปรมาณู “เมะกะเนะบาชิ” ย่านสะพานแว่นตาที่กรุ่นกลิ่นอายของย่านการค้าสมัยเก่า โคลเวอร์การ์เด้น และโบสถ์โออุระ เป็นต้น
ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนแล้วแต่มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป เหมาะแก่การใช้เวลาค่อยๆเที่ยวชมไปทีละที่อย่างช้าๆ สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่ใจกลางเมืองจึงเดินทางสะดวกด้วยรถราง แต่เนื่องจากมีถนนที่ลาดชันหลายแห่งจึงควรสวมใส่รองเท้าที่สวมใส่สบาย

เมืองคุมาโมโตะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาโดยมีปราสาทคุมาโมโตะเป็นศูนย์กลาง เมืองนี้ผสมผสานความเป็นเมืองใหญ่และอีกโฉมหน้าอันเต็มไปด้วยธรรมชาติแสนอุดมสมบูรณ์อย่างลงตัว
ปราสาทคุมาโมโตะเสียหายรุนแรงจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวคุมาโมโตะและกำลังอยู่ระหว่างการซ่อมแซมบูรณะทำให้ไม่สามารถเข้าชมภายในได้ในปัจจุบัน แต่ตัวปราสาทก็ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งการฟื้นฟูคอยให้กำลังแรงใจแก่ชาวเมือง น้ำบาดาลจากภูเขาอะโสะเองก็เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวคุมาโมโตะ รวมทั้งสัตว์น้ำ พืชผักและผลไม้ซึ่งเติบโตด้วยน้ำอันเต็มไปด้วยแร่ธาตุกับธรรมชาติแสนสมบูรณ์ก็เช่นกัน เสน่ห์ของคุมาโมโตะทำให้มีกวีหลายคน อาทิเช่น นัตสึเมะ โซเซกิและโคอิสุมิ ยาคุโมะผูกพันลึกซึ้งกับเมืองแห่งนี้
อีกสิ่งหนึ่งที่จะลืมไปเสียไม่ได้เมื่อมาเมืองคุมาโมโตะคือ รถรางชมเมือง ภาพรถรางวิ่งแล่นเหมือนหลอมรวมเป็นหนึ่งกับทัศนียภาพของเมืองช่วยให้จิตใจผ่อนคลาย ที่นี่มีบัตรโดยสารเหมาจ่าย 1 วันซึ่งมีสิทธิพิเศษเป็นส่วนลดสำหรับเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆด้วย สนใจนั่งโยกน้อยๆ ชมวิวรอบเมืองดูบ้างไหมคะ

ไดเจสท์ทัวร์คิวชิว
สิ่งที่ชอบมากในญี่ปุ่นคือ “คน” 4 เดือนหลังจากคุมาโมโต้ประสบกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเดือนเมษายน 2016 มิสอินเตอร์เนชั่นแนล ปี 2015, ปี 2016 และตัวแทนทั้งจากในและนอกประเทศจำนวน 10 ท่าน ได้เดินทางไปทุกแห่งช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูในคิวชิว สิ่งที่พวกเธอประทับใจมากที่สุดในการเที่ยวครั้งนี้คือ “คน” พวกเธอไปพบอะไรจากที่ไปเที่ยวกันนะ